ความตื่นเต้น และน้ำใจที่พบได้
ระหว่างเดินทาง ณ.โรงเรียนบ้านแม่โขง ณ .วันที่ 27-28 ธันวาคม 2553
ช่วงแรกที่เดินทางไปที่โรงเรียนบ้านแม่โขง คณะทีมงานของพวกเรา ซึ่งมีอยู่6 คน ประกอบ ด้วย คุณแป๊ะ พีต๋อย แคท น้องพา น้องปั้น และคุณแม่ เดินทางไป ค่อนข้างพลบค่ำ บรรยากาศเริ่มมืดลงเรื่อยๆ ทำให้พวกเรามองไม่เห็นข้างทาง ห้องน้ำก็ไม่มีตลอดระยะเวลา 8 ชั่วโมงการเดินทางจากตัวอำเภออมก๋อย (เชิงดอย) ไปยังโรงเรียนบ้านแม่โขง ซึ่งอยู่บนดอย ทางทีมงานของพวกเรา เริ่มไม่ไหวกันทุกคนแล้ว พวกผู้ชาย ก็ได้แก่ คุณแป๊ะ นำทีมกับน้องปั้น พากันไปยิงกระต่าย
ส่วนพวกผู้หญิง ยังคงอดทนอดกลั้น และ รอคอยและหวังว่า เดี๋ยวคงจะถึงโรงเรียนจะได้เข้าห้องน้ำกันได้ แต่คอยแล้วคอยเล่า ขับ อย่างไร ก็ไม่ถึงซักที
(รถเสีย 2 คัน คือรถที่บรรทุกเครื่องเชื่อมเหล็ก และรถขนของบริจาคของพวกเรา)
ประกอบกับคณะที่เดินทางมาด้วยกัน 5 คันรถ มีนักศึกษาร่วมขบวน 2 คัน รถเสียกลางทางเนื่องจากผ้าเบรกไหม้ ทำให้เดินทาง ต่อไม่ได้ ต้องไปพร้อมกัน เพื่อเปลี่ยนถ่ายของสัมภาระ กลาง หุบเขาบนยอดดอย
ผู้หญิง เริ่มทนไม่ไหวแล้ว ต้องชวนกันไปเด็ดดอกไม้ข้างทาง แต่ยังดี ที่บรรยากาศรอบข้างมืดสนิท ไม่ เช่นนั้น พวกเราคง ไม่กล้าแน่ๆ
ทีมของพวกเราไปหยุดพักรอรถ ที่โรงเรียนนาเกียน ก่อน ไปขอข้าวทานกับคุณครู โรงเรียนนาเกียน กัน เพราะ หิวมากแล้ว ตอนนั้นประมาณ 22.00 น. ยังไม่ได้ทานข้าว ได้คุณแป๊ะ เป็นพ่อครัว ผักผัด ไข่เจียวดำ ให้พวกผู้หญิงและเด็กได้กินกัน มื้อนั้นกินกันอย่างเอร็ดอร่อย ไม่รู้เป็นเพราะว่าหิว หรือ อาหารอร่อยกันแน่ ไม่นาน พวกเราก็อิ่ม กำลังใจยังดีเยี่ยม
วันรุ่งขึ้น 28 ธ.ค. 53 ขากลับ จาก ภารกิจ ส่งมอบของบริจาค ให้ที่โรงเรียน บ้านแม่โขง แล้ว คุณครู ต้องขี่มอเตอร์ ไซด์ นำหน้ามาส่ง เพราะกลัวพวกเราหลงทาง เนื่องจาก มีแยกอยู่หลายแยกมากๆ เรานั่งมอง 2 ข้างทางบนดอย นั่งนึกในใจ นี่พวกเรากล้ามากนัก นะ ที่ขับและลุยมาได้ขนาดนี้
เพราะ2 ข้างทางคือ เหวลึก มีโค้ง หักศอก และศอกกลับ อยู่หลายจุด เส้นทางเป็นหลุมเป็นบ่อ บางครั้งต้องผ่านธารน้ำด้วย และมีเจ้าถิ่น เดินผ่านไม่ว่าจะเป็นหมูป่า วัว ควาย ต้องรถให้เจ้าถิ่นผ่านไปก่อน และนึกในใจ โชคดีมากที่ขามา เมื่อวานนี้ 27 ธค 53 มันมืดมาก เลยทำให้เราไม่สามารถมองดู 2 ข้างทางได้ ไม่เช่นนั้น พวกเรา คงจะกลัวกันมากๆ เพราะถ้าขับพลาดนิดเดียว อาจตกเหวได้
เมื่อลงจากดอย ทางทีมพวกเราตั้งใจ จะเดินทางต่อไปที่ดอยแม่แจ่มเลย ซึ่งอยู่ห่างจากอำเภออมก๋อย ประมาณ 3 ชม. แต่เนื่องจากก่อนเดินทาง เราได้เตรียมแผนที่การเดินทางมา และตั้งใจมาตามแผนที่ ปรากฏ รถเกิดมีปัญหา คือ เบรกไม่อยู่ คุณแป๊ะ คนขับรถของพวกเรา ก็ขับมาทั้งที่ๆ เบรกไม่อยู่ ขับมาผิดเส้นทาง ประมาณ 15 กม . โดยที่พวกเรายังไม่รู้ตัว ว่าขับมาผิดทาง คุณแป๊ะ พยายามประคองรถมาจอดพักรถ ตอนนั้นประมาณ 16.00 น. ของ วันที่ 28 ธ.ค. 53 เป็นความโชคดีมากๆ ที่บังเอิญขับมาผิดเส้นทาง และได้มาจอดพักรถ เพื่อลงมาดูรถ ตรงหน้าร้าน ขายโทรศัพท์ มือถือ เพราะหลังรถ มีกลิ่นไหม้ มีควัน ขึ้นที่ล้อหลังขวา อย่างมาก
ถ้าบังเอิญว่า เรามาถูกทาง และเกิดปัญหาอย่างนี้ ไม่รู้ ว่าป่านนี้ ทีมพวกเราจะเป็นอย่างไร จะไปตามช่างซ่อมรถที่ไหน สัญญาณ โทรศัพท์ก็ไม่มี ถนน2 ข้างทาง รถวิ่งกันน้อยมากๆ พวกเราคงได้นอนกลางดิน และไม่ได้ กินแน่ๆ และอาจเกิดเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้น ก็เป็นได้
เหมือนกับ ฟ้าเบื้องบน ดลใจให้เรามาผิดทาง ตามแผนที่ที่เราหามาผิด และได้มาจอดหน้าร้านขายโทรศัพท์ ซึ่งมีสัญญาณมือถือ และบังเอิญ อู่ซ่อมรถเปิดใหม่ เปิดอยู่ใกล้จุดพักรถ และ บังเอิญมาก ว่าเจ้าของร้าน เป็นคนธรรมะธรรมโม มากๆชอบทำบุญทำทานและ ช่วยเหลือคน ท่านคือ ดต.บุญมี จันทร์เขียว คนงานในบ้านท่าน พอรู้ว่าพวกเรารถเสีย อาสาตามช่างซ่อมรถมาให้ในทันที ด้วยความมีน้ำใจ ปรากฏว่า รถของพวกเราที่เช่ามา ใช้งานหนัก สมบุกสมบัน
ลูกปืนแตก น้ำมันเพลา รั่ว แล้วเข้าไปสู่ระบบเบรก ทำให้รถเบรกไม่ได้ น้ำมันจาระบีไหม้ รถของพวกเราขับต่อไปไม่ได้
ช่างมาดูรถให้เรา ประมาณ 16.10 น. แล้วจัดการซ่อมให้ พวกเราได้อาศัยพักคลายหนาว ดูโทรทัศน์ ที่ร้านขายโทรศัพท์ของคุณปอ ซึ่งเป็นลูกชายคนเล็กของ ดต. บุญมี จันทร์เขียว
พอประมาณ 19.00 น. ช่างซ่อมรถ บอกว่า ถอด ลูกปืนไม่ออก และต้องให้ร้านใหญ่อัดด้วยระบบไฮดรอลิค พวกเราเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่า รถจะสามารถซ่อมได้เสร็จกันกี่โมง แล้วพวกเราจะนอนกันที่ไหน
พวกเราได้รับน้ำใจอย่างมาก จาก คุณโอ ซึ่งเป็นคุณครู และ เป็นลูกชายคนโตของ ดต.บุญมี พาเราไปทานข้าว เท่านั้นยังไม่พอ ด้วยความมีน้ำใจอย่างสูงของ ท่าน ดต.บุญมี ซึ่งมีบ้านพัก ตากอากาศ ซึ่งตั้งใจทำ รีสอร์ท แต่ยังไม่ได้ทำ ให้พวกเราไปพักที่นั่น บรรยากาศสวยงามมาก ๆ และ ภรรยาของ ดต.บุญมี คือคุณป้า จันทรา บุญเขียว ยังมีน้ำใจให้เรา ซึ่งเห็นว่าทีมเรา มี ผู้หญิง คนแก่ และ เด็ก ๆ ชวนเรามานั่งดูโทรทัศน์ในบ้านของท่านด้วย แคท ถามคุณป้าจันทรา ว่า ทำไม คุณป้าใจดีมากๆ เลย ไม่กลัวพวกเรา หรือ เป็นใครก็ไม่รู้ อยู่ๆก็ให้เข้ามาในบ้าน ซึ่ง คุณป้าก็อยู่คนเดียว แถมจะให้เราอาบน้ำอุ่นอีก (บ้านพักที่เตรียมให้เราไม่มีน้ำอุ่น) ท่านบอกว่า ท่านก็ดูคนเหมือนกัน แต่เห็นว่า เป็นผู้หญิง และ เด็ก และคนแก่ ท่านเลยช่วยเหลือ ถ้าเป็นผู้ชาย ท่านคง ให้อยู่ที่หน้าร้านโทรศัพท์ นั้น ไม่ให้เข้ามาบ้านท่าน พอตอนเช้า ด้วยความมีน้ำใจอย่างสูง ของทั้งครอบครัวนี้ คุณป้าลงมือทำกับข้าวให้พวกเราทั้งคณะรับประทาน คุณโอ คุณปอ ช่วยขับรถ ดูแล สอบถามเรื่องรถที่ช่างซ่อม กว่ารถจะซ่อมเสร็จ ก็ เป็นเวลา 10.00 น.ของวันที่ 29 ธค 53 สรุป คืนนั้นเราได้นอนที่รีสอร์ท ซึ่งเป็นเรือนพักรับรอง ด้วยความเกรงใจเป็นอย่างมาก ที่ได้รับน้ำใจไมตรี ในคราวที่พวกเราตกทุกข์ได้ยาก เราพยายามส่งมอบเงินให้คุณป้าจำนวนหนึ่ง ท่านไม่รับ เพราะท่านตั้งใจช่วยเหลือ ประกอบกับ
คุณลุง ดต.บุญมี ท่านเป็นคนธรรมะธรรมโม ท่านชอบนั่งสมาธิ ท่านเล่าให้ฟังว่า ประมาณ ตี 3 ของทุกวัน ท่านต้องตื่นมานั่งสมาธิวิปัสสนา ท่านเห็นแสงสว่างมาจาก คนใส่ชุดขาว หลายคน ที่มานั่งล้อมบ้านพัก เรือนรับรองที่พวกเรา อาศัยอยู่ แต่ท่านบอกว่า ท่านนั่งสมาธิแล้วเห็น แต่ ที่บ้านท่านอยู่ ท่านไม่เห็น (เรือนพักรับรองอยู่ตรงข้ามกับบ้านของท่าน ) ท่านเลยบอกว่า สงสัยคณะของพวกเรา คง เป็นคนดี และ คงสร้างบารมีมาเยอะกว่าท่าน
ดต.บุญมี จันทร์เขียว
นี่คือ รูป ของครอบครัวใจดี มากๆ ที่ช่วยเหลือคณะพวกเรายามตกทุกข์ได้ยาก ท่านบอกว่า พวกเราคงเคยช่วยเหลือเกื้อกูล กันมาก่อน จึงมาเจอกัน ในความบังเอิญมากๆ และบังเอิญว่า ถ้ารถเราไม่เสีย ควันไม่ไหม้ พวกเราคงหลงทิศ ไปไกลมาก อาจถึงแม่ฮ่องสอน บังเอิญว่า หลงทิศ แล้วรถยังเสียที่หน้าบ้านท่านอีก จึงได้มีโอกาสช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
พวกเราจะไม่ลืม ความช่วยเหลือนี้ไปตลอด และขอขอบคุณมากๆ กับ ครอบครัวของท่าน ดาบตำรวจ บุญมี - คุณป้า จันทรา- คุณครูโอ-คุณปอ จันทร์เขียว มา ณ.ที่นี้ด้วยค่ะ
ขอบุญกุศลที่พวกเราร่วมกันทำ จงดลบันดาลให้ครอบครัว จันทร์เขียว ประสบความสำเร็จรุ่งเรืองยิ่งขึ้นต่อไปในภายภาคหน้าค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
แคท และ ทีมงาน
