ความสำเร็จ...โรงเรียนบ้านแม่สะเต

โรงเรียนบ้านแม่สะเต
อ.อมก๋อย  จ.เชียงใหม่
โรงเรียนบ้านแม่สะเต  ตำบลนาเกียน  อำเภออมก๋อย  จังหวัดเชียงใหม่  เป็นโรงเรียนตั้งที่อยู่บนภูเขาพื้นที่สูงเป็นแหล่งทุรกันดารห่างไกลความเจริญเป็นอย่างมาก และขาดโอกาสทางการศึกษา ตั้งแต่ปี 2544 จนถึงปัจจุบัน  เนื่องจากห่างจากตัวอำเภออมก๋อยประมาณ  67 กิโลเมตร  ต้องใช้เวลาเดินทาง  4-5  ชั่วโมง   ช่วงหน้าฝนใช้เวลาเดินทางถึง 8 ชั่วโมง ทำการสอนตั้งแต่ระดับชั้นนักเรียนชั้นอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 6    มีนักเรียนจำนวนทั้งสิ้น 122 คน  ในขณะนี้อาคารเรียนอนุบาล และห้องน้ำผุพังไม่สมบูรณ์ ปัจจัยทางทุนทรัพย์ทางรัฐบาลไม่มี ทางโรงเรียนบ้านแม่สะเตเล็งเห็นความจำเป็นของการจัดการเรียนการสอนระดับชั้นอนุบาลซึ่งเป็นรากฐานของการศึกษา  จึงได้นำเสนอโครงการมายังท่าน เพื่อขอรับความอนุเคราะห์ในการร่วมบริจาคทุนทรัพย์ปรับปรุงอาคารเรียนและสร้างห้องน้ำอนุบาล ให้อยู่ในสภาพใช้งานได้
หลังจากที่เราได้รับจดหมาย ขอความช่วยเหลือจึงเกิดเป็นโครงการก่อสร้างอาคารเรียนอนุบาล+ห้องน้ำ  และนี่ก็คือ หนึ่งในอาคารเรียน ที่พวกเรา ช่วยกัน ร่วมแรง ร่วมใจ กันแบ่งปัน ไม่ว่ายอดเงินที่ส่งมาบริจาคเข้าโครงการ จะเป็นเท่าไรก็ตาม 10บาท 20 บาท 100 บาท  1,000  บาท หรือ 100,000 บาท เมื่อนำมารวมกันมันยิ่งใหญ่มาก เพราะมันสามารถ เกิดโครงการดีๆแบบนี้ หลากหลายโครงการ  และที่จะนำเสนอต่อไปนี้ ก็คือ อีกหนึ่งในผลงานสร้างสรรค์ของทีมพวกเรา
โครงการก่อสร้างอาคารเรียนอนุบาล+ห้องน้ำ 
จากสภาพที่ไม่น่าเรียน ไม่ถูกสุขลักษณะ ของเด็กวัยอนุบาล
อาคารเรียนเดิมก่อนรื้อถอน   สาเหตุที่ต้องมีการรื้อถอนเพราะอาคารเรียนอนุบาล และห้องน้ำผุพังไม่สมบูรณ์  สภาพอาคารเรียนอนุบาลผุพังมาก พื้นดินทรุด เสามีปลวกกินอาจจะใช้งานได้อีกไม่นาน
เริ่มดำเนินการรื้อถอน
จนกลายเป็น อาคารเรียนหลังใหม่ พร้อมห้องน้ำที่ถูกสุขลักษณะ
สำหรับเด็กนักเรียนชั้นอนุบาลของโรงเรียนบ้านแม่สะเต
และนี่คือสิ่งที่พวกเราร่วมแรง ร่วมใจกัน  พร้อมใจกันแบ่งปัน  คนละเล็กละน้อยตามกำลังศรัทธา จนเกิดเป็นอาคารเรียน ที่น่าเรียน สำหรับเด็กๆที่ขึ้นชื่อว่า โรงเรียนที่ด้อยพัฒนา ที่สุดในประเทศ โรงเรียนบ้านแม่สะเต

สภาพเส้นทางการเดินทางไปยังโรงเรียนบ้านแม่สะเต  แห่งนี้ โรงเรียนบ้านแม่สะเต ต้องเดินทางต่อจากโรงเรียนบ้านแม่โขงไปอีกประมาณ 10 กิโล   หลังจากที่ทีมงานได้ให้ความช่วยเหลือโรงเรียนบ้านแม่โขงและบ้านแม่ สะเต  พวกเราจึงแบ่งออกมา 2 ทีม  โดยทีมแรก อยู่ทำกิจกรรม สร้างสรรมอบความสวยงาม ให้โรงเรียนบ้านแม่โขง  และอีกทีมเป็นตัวแทน ส่งมอบอาคารเรียนอนุบาลให้โรงเรียนบ้านแม่สะเต  ทางเราได้รับความช่วยเหลือจาก ผอ.ชัยสิทธิ์   ลือโขง  ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านแม่โขง   นำคณะเดินทางมุ่งหน้ามายังโรงเรียนบ้านแม่สะเต   ด้วยระยะทางจาก โรงเรียนบ้านแม่โขง  ไปยังโรงเรียนบ้านแม่สะเต เพียง 10 กิโลเมตร  แต่ทีมงานของพวกเราใช้เวลาเดินทางยาวนานเป็น ชั่วโมง  เราอยากให้เพื่อนๆได้เห็นภาพประกอบเส้นทางเดินทางมายังโรงเรียนบ้านแม่สะเต
นี่คือสภาพเส้นทางที่อันตรายอย่างมาก   ต้องไต่เขาขึ้นไปสูงพร้อมกับชันมาก คนขับรถต้องมีฝีมือ  และ ทักษะ ในการขับรถเป็นอย่างสูง  เรานึกนับถือ คุณแป๊ะ  เพื่อนร่วมทีมของเรา   ผอ.ชัยสิทธิ์ ลือโขง  ผอ.ปอล หนุ่มหล่อ   และ ผอ.พงษ์วิศรุต   ผอ.โรงเรียนบ้านแม่สะเต  และคุณครูดอยๆทุกท่าน  พวกท่าน แน่มากๆ    เส้นทาง  บางครั้งจะมีโค้งหักศอก   หักมุมซึ่งมีระยะให้เล็งได้นิดเดียว  ซึ่งถ้าขับไม่ชำนาญ มีหวังตกเขาได้  บางครั้งจะเจอหลุม เจอบ่อ ก้อนหินขวางทาง  และจะมีลำธารขวาง  เท่าที่พวกเราลงไปลุย ขนาดหน้าแล้ง  น้ำครึ่งน่องเลยที่เดียว   สุดกันดาร และไกลมากจริงๆ   แต่บรรยากาศ 2 ข้างทาง ถือว่าสุดยอดมากๆ  เมืองไทย สวยไม้แพ้ สวิสเซอร์แลนด์ หรือนิวซีแลนด์เลยที่เดียว  อากาศบริสุทธิ์   2 ข้างทาง ยังเป็นธรรมชาติมากๆ  เราได้มีโอกาสนั่งท้ายรถกะบะคันที่เห็นนี้   รถของ ผอ.ปอล    ระหว่างที่รถขับผ่านเส้นทางไต่เขา   เราเห็นเหวลึกมากๆ   บางครั้งมองขึ้นไปข้างบนในป่า    เห็นช้างอยู่ในป่า  มองไปตามทางควายลงมาแช่น้ำข้างลำธาร  สุดยอด  บอกไม่ถูกเหมือนกัน สวยมากเกินบรรยาย   และยิ่งเดินทางลึกไปเรื่อยๆ ทำให้เรานึกในใจ ทำไม คนเราเลือกเกิดไม่ได้จริงๆ  ทำไมต้องมาเกิดในถิ่นที่ ทุรกันดารสุดๆ  การเดินทางที่ยากแสนยาก   และเมื่อคนที่อยู่ข้างบนนั้นเกิดเจ็บป่วยขึ้นมา จะทำอย่างไร     มันไกลมาก  และถ้าไม่มีรถ   ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉิน  แล้วจะทำอย่างไร   แต่เมื่อมาเห็นคุณครูทั้งหลายที่อยู่บนดอยสูง  ทำให้คิดว่า  ยังมีคนที่ทำประโยชน์ เพื่อคนอื่น อีกมากมาย   โดยที่พวกเรายังไม่รู้เลย    ทำไมท่านเหล่านั้น ถึงต้องมาใช้ชีวิต ที่ทุรกันดารขนาดนั้น   คอยอบรมสั่งสอน เด็กๆที่อยู่บนดอยสูงที่ใครๆ  ก็คาดไม่ถึง ว่าจะมีผู้คนอาศัยอยู่อีกเหรอ  ถ้าไม่ใช่เพราะ ใจ เชื่อมั่นว่า คงไม่ค่อยมีใคร มา ยอมอยู่อย่างแน่นอน   อย่างผอ.ปอล อยู่บนดอยเป็น ผอ.มา 8 ปี (ขอแซวหน่อยค่ะ  รูปร่างหน้าตาแบบนี้ เป็นพระเอกหนังได้เลยค่ะ)    ผอ.พงษ์วิศรุต ปันมูล  มาอยู่บนยอดดอย เป็นผอ.โรงเรียนบ้านแม่สะเต 5 ปี และใช้ชิวิตในการเป็นครูดอย มาอย่างยาวนานหลายสิบปี  เราเห็นผลงานของท่าน นี่คือ ผอ.นักพัฒนาจริงๆ  โรงเรียนบ้านแม่สะเต ไกลมากๆ แต่  ผอ.พงษ์วิศรุต ก็พยายามทุกวิถีทางที่จะพัฒนาโรงเรียนบ้านแม่สะเต  ได้อย่างมากมาย อยากให้เห็นภาพประกอบของโรงเรียนบ้านแม่สะเต  สร้างผลงานอย่างมากมาย  ท่านทำได้อย่างไร พัฒนา จนเราไม่คาดคิดว่า หนทางยาวไกล ทุรกันดารขนาดนี้ ยังทำได้ดีมากถึงเพียงนี้ และในที่สุด พวกเราก็มาถึงโรงเรียนบ้านแม่สะเต

ดังที่เห็นตามภาพ  แทบไม่เชื่อเลยว่า นี่หรือคือโรงเรียนที่ด้อยพัฒนา และกันดารที่สุดในประทเศไทย   แต่ผอ.พงษ์วิศรุต และคุณครูโรงเรียนบ้านแม่สะเตทุกท่าน ก็พยายามสร้างสรร สิ่งที่ดีๆเหล่านั้น เพื่อให้โรงเรียนเป็นที่น่าอยู่น่า เรียนรู้   ด้วยสภาพความยากจนของคนบนพื้นที่สูง  พ่อแม่ ต้องออกไปทำนา ทำไร่  ดังนั้น จึงเอาเด็กๆ  มาไว้ที่โรงเรียน  โรงเรียน ให้ความรู้  สอนให้เด็กๆ อ่านออกเขียนได้ สอนให้คิดเป็น   โรงเรียนมีอาหารให้กิน  โรงเรียนคือสิ่งที่เด็กๆ ชอบมา   เราไปเยี่ยมเยือน ทั้ง 2 โรงเรียน  ทั้งโรงเรียนบ้านแม่โขง และ โรงเรียนบ้านแม่สะเต  หน้าตาของเด็กๆ  ยิ้มแย้มแจ่มใสเราสังเกตเห็นเด็กๆเหล่านั้น  น่ารัก แววตา แบบมีความหวัง  ยิ้มแย้มแจ่มใส    นั่นเป็นเครื่องหมายแสดงว่า โรงเรียน เป็นสถานที่น่าอยู่   เป็นสถานที่  ที่เด็กๆ ชอบ    

สุดท้ายนี้ เราต้องขอขอบคุณเพื่อนๆทุกท่าน  ที่ ได้ร่วมกัน ช่วยกัน ไม่ว่า การช่วยเหลือจากมาในรูปแบบใด นั่งคือสิ่งซึ่งแสดงน้ำใจ  การช่วยเหลือแบ่งปัน    การช่วยเหลือ ใคร ไม่จำเป็นต้องรอเราพร้อม  ขอเพียงมีใจที่พร้อมที่จะช่วยเหลือแบ่งปัน  คิดถึงอกเขาอกเรา  ถ้าเราต้องไปเผชิญความยากลำบากขนาดนั้น   ถ้ามีความช่วยเหลือเข้ามาว่าในรูปแบบใด  สิ่งนั้น จะเป็นสิ่งเสริม กำลังใจ  ให้คนที่ทำงาน เบื้องหลังทุกท่าน  มีแรงใจในการทำงาน พร้อมที่จะต่อสู้ และ ฝ่าฟันมัน   พวกเรานับถือครูบนดอย ทุกท่านค่ะ


สุดท้ายนี้ เราอยากมอบบทเพลงนี้ให้กับเพื่อนเราทุกคน ค่ะ
เราอาสาพัฒนา  ใจเริงร่าและสามัคคี
ล้วนตั้งจิตอุทิศชีวิตพลี ผูกไมตรีแด่พี่น้องผองไทย
แม้ห่างไกลไม่ท้อถอย  ถึงยอดดอยสูงเยี่ยมเทียมฟ้า
เราบุกบั่นฝ่าฟันเข้าไปหา ช่วยพัฒนาและเมตตาอารีย์
สายลมหนาวเคล้าลมฝน  ในกมลเราแสนเยือกเย็น
เราอบอุ่นในบุญที่บำเพ็ญ ความลำเค็ญก็มลายหายไป



                                                                            ทีมงานสร้างสรรเพื่อตอบแทนคืนสังคม
                                                                             รายงานมา ณ. วันที่ 22 เมษายน 2554